"ถ้าท่านมีพระวัดปากน้ำอยู่กับตัวแล้ว.....ในน้ำไม่ตาย บนบกไม่ตาย กลางอากาศไม่ตาย ลาภผลไม่ขาดมือ และมีค่าเท่ากับสมบัตินับพันล้าน หรือมุ่งหวังสิ่งใดก็ให้อธิษฐานเถิดจักเกิดสัมฤทธิผลทุกประการ"
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า วัตถุมงคลของท่านก็ล้วนเป็นที่นิยมสะสม สืบเนื่องจากประสบการณ์ด้านพุทธคุณเป็นเลิศเป็นที่ปรากฏ
หลวงพ่อสด หรือ เจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นชาวบ้านสองพี่น้อง ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2427 ตั้งแต่ยังเยาว์ท่านได้ร่ำเรียนหนังสือกับพระภิกษุน้าชายที่วัดสองพี่น้อง ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาอักขระสมัยที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม จนสำเร็จ จึงกลับมาช่วยบิดามารดาค้าขายข้าว เมื่อสิ้นบุญบิดาท่านก็รับสืบทอดการค้าขายข้าวและเลี้ยงมารดาต่อ กิจการเจริญก้าวหน้าเรียกว่าอยู่ในระดับผู้มีฐานะดีในสมัยนั้นทีเดียว พออายุได้ 19 ปี ท่านเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตทางโลกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องการเข้าสู่ทางธรรมโดยการอธิษฐานจิตที่จะบวชไม่สึก จึงขวนขวายทำกิจการงานเพื่อเก็บเงินไว้ให้มารดาใช้ได้ตลอดชีวิต จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2443 อายุได้ราว 22 ปี จึงบรรพชาสมความตั้งใจ ณ วัดสองพี่น้อง ได้รับฉายา “จนฺทสโร” โดยพระอาจารย์ดี วัดประตูศาล เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาได้ 1 พรรษา ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาจำพรรษาที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อศึกษาด้านพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆ รูปตามวัดต่างๆ จนแตกฉาน
ในปี พ.ศ.2459 สมเด็จพระวันรัต (ติสฺสทตฺโตเถร) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะ อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี และวัดปากน้ำก็เป็นพระอารามหลวงวัดหนึ่งใน อ.ภาษีเจริญ ซึ่งยังว่างเจ้าอาวาสอยู่ ท่านจึงส่งหลวงพ่อสดให้ไปเป็นเจ้าอาวาส สมัยนั้นวัดปากน้ำยังไม่เจริญ เสนาสนะทรุดโทรมมาก แต่หลวงพ่อสดมุ่งเน้นด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาคนมากกว่า จึงจัดตั้งโรงเรียนเพื่อให้การศึกษาและปฏิบัติธรรมควบคู่กันไปด้วย ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติสูงตามหลัก “ธรรมกาย”กอปรกับท่านเป็นพระนักพัฒนา ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดปากน้ำจนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จัก ทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษาด้านวิชาการและธรรมปฏิบัติ จนเป็นที่กล่าวขานและเคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั้งใกล้ไกล มีผู้คนเดินทางไปกราบนมัสการไม่ขาดสาย ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ มีพระราชทินนามว่า “พระมงคลเทพมุนี” เมื่อปี พ.ศ.2500 ท่านมรณภาพในปี พ.ศ.2502 สิริอายุรวม 75 ปี
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้น จะใช้วิธีทำสมาธิภาวนาตามหลักวิชา “ธรรมกาย” ซึ่งล้วนเป็นที่นิยมสะสมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระผงของขวัญ” หรือที่เรียกว่า "พระวัดปากน้ำ" เป็นพระเนื้อผง ที่ท่านสร้างขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม และการกุศลต่างๆ ในวัด มี 3 รุ่น คือ พระวัดปากน้ำรุ่นแรก, รุ่นสอง และรุ่นสาม ณ ปัจจุบันนับเป็นพระพิมพ์ที่หายากและเป็นที่ต้องการสำหรับนักนิยมสะสมพระเครื่องอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่นแรกสนนราคาจึงค่อนข้างจะสูงทีเดียว
นอกจากนี้ มี “รูปล็อกเก็ต” (เข็มกลัด) สร้างเมื่อปี 2498 มีทั้งรูปสีและขาวดำ แจกเฉพาะศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น “เหรียญดวงสมภพ หรือดวงปริศนาธรรมกาย” ปี 2499 เป็นเหรียญรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หูในตัว, “เหรียญรุ่นถวายภัตตาหาร ปี 2500” เป็นเหรียญรูปไข่ หูในตัว ได้รับความนิยมสูงสุดกว่าเหรียญทุกรุ่น และ “เหรียญหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญธนบุรี ปี 2500” เป็นเหรียญรูปไข่ หูในตัวขนาดเล็กกว่ารุ่นถวายภัตตาหารเล็กน้อย ฯลฯ ยังมีการจัดสร้าง “เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสด” กันหลายรุ่นหลายแบบ ทั้งที่ท่านสร้างเองปลุกเสกเองและสร้างหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว
พระพุทธคุณของวัตถุมงคลของหลวงพ่อสดหรือเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี เป็นที่เลื่องลือปรากฏทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาลาภ และแคล้วคลาด โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด จนมีคำกล่าวถึงพระพุทธคุณของท่านว่า "ถ้าท่านมีพระวัดปากน้ำอยู่กับตัวแล้ว.....ในน้ำไม่ตาย บนบกไม่ตาย กลางอากาศไม่ตาย ลาภผลไม่ขาดมือ และมีค่าเท่ากับสมบัตินับพันล้าน หรือมุ่งหวังสิ่งใดก็ให้อธิษฐานเถิดจักเกิดสัมฤทธิผลทุกประการ" แต่ประการสำคัญก็คือ ผู้นั้นต้องสามารถปฏิบัติให้เข้าถึงองค์พระให้ได้ก่อน ด้วยการทำสมาธิจนนิมิตเห็นองค์พระใสเป็นแก้ว และสามารถกำกับขนาดใหญ่เล็กได้ตามต้องการ พร้อมท่องพระคาถาภาวนากำกับองค์พระว่า "สัมมา อะระหัง"
โดย อ.ราม วัชรประดิษฐ์