พระเลี่ยง
"พระเลี่ยง อีกหนึ่งในชุดพระสกุลลำพูนที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าพระคงและพระบางเลย และนับเป็นพระที่สวยงามสง่า มีรายละเอียดต่างๆ มากมายน่าสนใจทีเดียว"
พระเลี่ยงเป็นพระเนื้อดินเผาที่มีกรวดผสม องค์พระจะค่อนข้างเล็ก มีรูปทรงสามเหลี่ยมที่โบราณาจารย์ท่านให้ความหมายว่าหมายถึง“ไตรรัตน์” คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ มีพุทธศิลปะไปทางพุทธศิลปะเมืองละโว้ ซึ่งเป็นไปได้ที่ในสมัยพระนางจามเทวีมาครองเมืองหริภุญชัยนั้น ได้นำช่างฝีมือจากเมืองละโว้มาด้วย ด้วยพุทธลักษณะที่เน้นเส้นแสงและองค์ประกอบต่างๆ มากมาย แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองในสมัยนั้นอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จึงมีเวลาสร้างพระเครื่องด้วยความประณีตพิถีพิถัน พระเลี่ยงนี้มีพุทธคุณเป็นเลิศปรากฏในด้านพลังแห่งความมั่นคง
พระเลี่ยง นับเป็นพระเครื่องสกุลลำพูนที่มีพุทธลักษณะพิเศษสุดๆ ไม่เหมือนพระพิมพ์ใดๆ เรียกได้ว่าเป็นพงศาวดารที่ยิ่งใหญ่ ในองค์พระขนาดน้อยนิดจริงๆ พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่งแสดงปางมารวิชัย ทั่วองค์พระประดับด้วยสิ่งต่างๆ ที่เรียกกันว่า “ทรงเทริด” อันเป็นแบบลัทธิมหายาน เหนืออาสนะฐาน 3 ชั้น พระเศียรเป็นหมวกแบบ 3 กลีบ พระพักตร์ยาว คางแหลม พระเนตรแบบกลมโต และนูนสูงออกมาชัดเจน พระกรรณมีตุ้มหูประดับยาวลงมาถึงพระอังสะ พระอุระแคบ พระวรกายชะลูด พระนาภีปรากฏเส้นเล็กๆ 2 เส้น น่าจะเป็นเส้นขอบสบง พระเพลากว้างมาก ลักษณะเหมือนคนผอมสูง พระพาหาอยู่แนบองค์พระ ช่วงงอข้อศอกด้านซ้ายขององค์พระกางเล็กน้อย พระกรด้านขวาขององค์พระหักยืนออกไปหาพระเพลาซึ่งมีระดับยื่นออกมาเล็กน้อย มีฉัตร 5 ชั้น เหนือองค์พระ อันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงองค์พระมหากษัตริย์ มีเส้นปริมณฑลโดยรอบฉัตรเป็นเส้นนูน เล็ก และคม นอกเส้นปริมณฑล มีเส้นนูนเล็กๆ สั้นๆ เรียงทแยงโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ บังสูรย์เป็นรูปกลีบบัว เส้นคมชัดสวยงามมาก ระหว่างเส้นบังสูรย์กับพระพักตร์เป็นร่องลึก และมีร่องรอยก้อนกรวดและมีคราบขี้กรุที่ต้องสังเกตให้ดี เพราะมีการปลอมแปลงมาก ขี้กรุแท้ๆ เวลาถูกน้ำ น้ำจะซึมออกได้ตลอด ไม่เหมือนของปลอมที่ใช้การทากาว น้ำไม่สามารถซึมออกได้ ฐาน 3 ชั้น จัดสร้างอย่างวิจิตร อีกทั้งสื่อความหมายถึงประวัติความเป็นอยู่และความมั่นคงแห่งเมืองหริภุญชัย ดังนี้ “ฐานชั้นบน” เป็นบัวไข่ปลา 2 แถว แสดงให้เห็นถึงสถานะของผู้นั่งเหนือบัวนั้นสูงส่ง “ฐานชั้นกลาง”เป็นรูปหัวช้างหรือหัวกุมภัณฑ์ 3 หัว แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงแข็งแรง และ “ฐานชั้นล่าง” เป็นเส้นนูนกว้างยาวตลอดฐาน ด้านข้างทั้งสอง มีรูปมนุษย์หรือยักษ์หรือมารนั่งถวายความเคารพด้วยการถือดอกบัวทั้ง 2 ข้าง แสดงถึงความเป็นที่รักเคารพแห่งมวลประชาราษฎร์
พระเลี่ยงมีการขุดค้นพบจากแหล่งใหญ่ๆ 2 กรุ คือ กรุวัดประตูลี้และกรุวัดดอยติ
พระเลี่ยง กรุวัดประตูลี้ มีการเปิดกรุใกล้เคียงกับพระรอด และพระคง ในช่วงสงครามโลกเมื่อปี พ.ศ.2484 เป็นการแตกกรุครั้งแรกและค้นพบพระเลี่ยงครั้งใหญ่ จากความเก่าแก่ขององค์พระน่าจะเป็นพระที่สร้างในรุ่นราวคราวเดียวกับพระรอดและพระคงเช่นกัน มี 2 เนื้อ คือเนื้อดินละเอียดและเนื้อดินปนกรวด
พระเลี่ยง กรุวัดดอยติ ขุดค้นพบที่พระธาตุวัดดอยติ ซึ่งอยู่บนเขาและห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กม. แบ่งออกได้เป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก “พระเลี่ยง กรุวัดดอยติ พิมพ์ใหญ่” มีขนาดและพุทธลักษณะต่างๆ เหมือนพระเลี่ยง กรุวัดประตูลี้ ทั้งความเก่าของเนื้อองค์พระ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะนำพระเลี่ยงจากกรุวัดประตูลี้มาบรรจุไว้ แต่สำหรับ “พระเลี่ยงพิมพ์เล็ก” ดูจากขนาดและสีเนื้อขององค์พระ น่าจะสร้างขึ้นในรุ่นหลังมากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบพระเลี่ยงที่ กรุกู่เหล็ก กรุวัดมหาวัน และกรุดอนแก้ว ซึ่งเป็นพระเก่าเช่นเดียวกับกรุวัดประตูลี้ แต่มีจำนวนน้อยมาก
โดย อ.ราม วัชรประดิษฐ์