เหรียญครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย
"ครูบาศรีวิชัย เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จนได้รับการยกย่องให้เป็น นักบุญแห่งล้านนาไทย"
ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย นามนี้เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ต้องคุ้นเคยและทราบถึงกิตติศัพท์ของท่านเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชาวเมืองเหนือคงไม่มีใครไม่รู้จักและเคารพศรัทธาท่านอย่างแน่นอน เนื่องด้วย“ครูบาศรีวิชัย” เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จนได้รับการยกย่องให้เป็น“นักบุญแห่งล้านนาไทย” นอกจากนี้ กิตติศัพท์และอภินิหารของท่านก็เป็นที่เลื่องลือทั้งด้านพุทธบารมีและคุณวิเศษ อีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนาที่หาผู้ใดเทียบเทียม
พระครูบาศรีวิชัย เกิดที่บ้านปาง จ.ลำพูน เมื่อปี พ.ศ.2421 ช่วงที่ท่านเกิดได้มีนิมิตมหัศจรรย์ บิดามารดาจึงตั้งชื่อว่า “อ้ายฟ้าร้อง”ท่านมีผิวพรรณวรรณะผุดผ่อง ฉลาด ว่านอนสอนง่าย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีเมตตา ท่านไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย และที่สำคัญท่านมีความผูกพันกับพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ชอบชวนบิดามารดาเข้าวัดอยู่เสมอ บิดามารดาจึงไปฝากเป็นศิษย์พระอธิการขัติ เจ้าอาวาสวัดบ้านปาง เพื่อศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัยและอักษรไทย จนอายุ 18 ปีจึงบวชเป็นสามเณรและศึกษาภาษาพื้นเมือง ภาษาบาลี-สันสกฤต ท่านสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและแตกฉาน เมื่ออายุครบบวชท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีฉายา “สิริวิชโย” แต่ชาวบ้านมักเรียกว่า “พระศรีวิชัย”ท่านศึกษาพระธรรมวินัยและวิปัสสนาธุระจากพระอาจารย์จนเชี่ยวชาญ แล้วไปศึกษาเพิ่มเติมกับพระอาจารย์อุประ วัดบ้านนาแต ผู้มีชื่อเสียงทางวิปัสสนากรรมฐาน จากนั้นออกเดินรุกขมูลธุดงควัตรไปตามป่าดงแถบภาคเหนือเป็นเวลาหลายปี จึงกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านปางดังเดิม
ความที่ท่านเป็นพระที่พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีเมตตาธรรมกรุณาธรรม และเคร่งในวัตรปฏิบัติอย่างสูง ผู้คนจึงแวะเวียนมานมัสการเยี่ยมเยือนและปรึกษาหารือไม่ขาดสาย ซึ่งทุกคนก็จะได้รับคำแนะนำและชี้ทางให้เกิดความสบายใจและยึดมั่นในศีลในธรรม ท่านเป็นที่รู้จักและเคารพเลื่อมใสอย่างกว้างขวางในเวลาอันรวดเร็ว มีผู้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วทั้งเขตภาคเหนือ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่ได้ยินชื่อเสียงกิตติศัพท์และได้มีโอกาสมากราบนมัสการ ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่สร้างประโยชน์แก่พุทธศาสนามากมาย โดยได้รับความร่วมมือจากลูกศิษย์ลูกหาทั้งด้านกำลังทรัพย์และกำลังแรงงาน ที่สำคัญมีอาทิ บูรณะวัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เป็นวัดหลวงและเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ บูรณะวัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่บรรจุอัฐิของราชวงศ์เชียงใหม่ และเมื่อท่านมรณภาพก็ได้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิของท่านที่วัดนี้ด้วย สร้างทางรถยนต์ขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ ถือเป็นถนนสายประวัติศาสตร์สายเดียวในเมืองไทยให้ชื่อว่า “ถนนศรีวิชัย” และได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระครูบาศรีวิชัยประดิษฐานไว้ที่เชิงดอยสุเทพ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีและบุญบารมีของท่าน บูรณะกำแพงและโบสถ์วัดจามเทวี จ.ลำพูน ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของพระครูบาศรีวิชัย และเป็นสถานที่จัดงานฉลองอายุครบ 60 ปีด้วย ท่านมรณภาพที่วัดบ้านปางเมื่อปี พ.ศ. 2481 สิริรวมอายุ 60 ปี พรรษา 42 พรรษา
วัตถุมงคลของครูบาศรีวิชัยมีมากมายทั้งเมื่อยังมีชีวิตและหลังจากมรณภาพไปแล้ว สำหรับรุ่นที่เป็นที่นิยมเล่นหากันมากในหมู่นักนิยมสะสมเหรียญคณาจารย์คือ “เหรียญรูปเหมือนรุ่น ปี 2482” สร้างโดย พ.อ.พระยาสุรสงคราม เพื่อแจกแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการสร้างเมรุเผาศพพระครูบาศรีวิชัย ที่วัดจามเทวี จ.ลำพูน มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ หูเชื่อม มีทั้งเนื้อทอง เนื้อเงิน เนื้อนาก และเนื้อทองแดงสัมฤทธิ์ องค์พระมีความสวยงามเส้นสายคมชัดเจนมาก ด้านหน้าตรงกลางเป็นรูปเหมือนพระครูบาศรีวิชัยครึ่งองค์ ด้านขวามีอักษรไทยว่า “ครูบาเจ้าศรีวิไชย” ด้านซ้ายเป็นอักขระพื้นเมือง ล่างสุดใต้มือไขว้เป็นปี พ.ศ.ที่สร้างคือ“๒๔๘๒“ ส่วนด้านหลัง เป็น “ยันต์ห้า”
ปัจจุบันหาดูหาเช่ายากมาก เนื่องด้วยนับเป็นเหรียญเก่าอันทรงคุณค่าและเป็นที่นิยมสะสมกันอย่างกว้างขวาง ทำให้สนนราคาเช่าหาค่อนข้างสูงเอาการ
โดย อ.ราม วัชรประดิษฐ์