ส่วนของสมาชิก

สุดอัศจรรย์!!เพลิงไหม้ศาลาวัดดังวอดทั้งหลังแต่รูปหล่อ “หลวงปู่ทิพย์” ไม่ระคาย

สุดอัศจรรย์!!เพลิงไหม้ศาลาวัดดังวอดทั้งหลังแต่รูปหล่อ “หลวงปู่ทิพย์” ไม่ระคาย

หน้าหลัก » ข่าวสารล่าสุด » สุดอัศจรรย์!!เพลิงไหม้ศาลาวัดดังวอดทั้งหลังแต่รูปหล่อ “หลวงปู่ทิพย์” ไม่ระคาย
Share : แบ่งปันไปยัง facebook

เกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญ "วัดโพธิ์ทอง" อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นศาลา 2 ชั้นหลังใหญ่ เสาไม้กว่า 100 ต้น เป็นศาลาเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี วอดเสียหายทั้งหลัง เกิดเหตุขึ้นขณะพระสงฆ์ออกบิณฑบาต ภายหลังดับเพลิงได้แล้ว จึงพบรูปหล่อ "หลวงปู่ทิพย์"ไม่ระคาย ทั้งที่ "หลวงพ่อกลั่น" ตั้งข้างกันละลายเหลือแต่เศียร ชาวบ้านร้องไห้โฮ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

วันนี้ (17 เม.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.บัณฑิต อ่อนสาคร ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ทอง ต.พระครู อ.เมือง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ใกล้เคียงมาช่วยฉีดน้ำสกัดเพลิง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บริเวณศาลาการเปรียญอย่างรุนแรง เป็นศาลา 2 ชั้นหลังใหญ่ครึ่งปูนไม้ ซึ่งเป็นเสาไม้กว่า 100 ต้น ศาลาเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ซึ่งทางวัดได้ใช้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา หอฉัน รวมทั้งจัดเก็บพระพุทธรูป และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในวัด เช่น บาตร เสื่อ พรม โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ได้ถูกเพลิงไหม้วอดเสียหายเกือบทั้งหมด มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นนับล้านบาท

จากนั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาล และ อบต.ใกล้เคียงได้นำรถน้ำจำนวน 5 คัน ช่วยกันระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ แต่ไม่สามารถสกัดเพลิงไว้ได้ เนื่องจากศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้ทั้งหลัง และสิ่งของที่อยู่ภายในล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงทำให้เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ศาลาการเปรียญและสิ่งของที่อยู่ภายในถูกเพลิงไหม้วอดเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชม.จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ซึ่งบรรยากาศโดยรอบศาลาวัด ชาวบ้านที่มายืนดูต่างเสียใจ และเสียดายศาลา ที่เพิ่งบูรณะได้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนต้องร่ำไห้

สุดอัศจรรย์!!เพลิงไหม้ศาลาวัดดังวอดทั้งหลังแต่รูปหล่อ “หลวงปู่ทิพย์” ไม่ระคาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดโพธิ์ทอง เป็นวัดที่ชาวบ้านตำบลพระครูและชาวจังหวัดบุรีรัมย์เคารพนับถือ เนื่องจากเคยมีเกจิอาจารย์ดัง คือ หลวงปู่ทิพย์ จำวัดอยู่ในวัดแห่งนี้ และได้มรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ.2515 โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำพรมจุดที่ยังมีควันไฟอยู่นั้น ได้มีรูปหล่อของหลวงปู่ทิพย์ ในท่านั่งสมาธิ ขนาดหน้าตักประมาณ 120 ซม. สูงประมาณ 1 เมตร เนื้อทองสัมฤทธิ์ร่วงจากชั้นสองลงมาชั้นล่าง และยังคงสภาพเดิม

ทำให้ชาวบ้านและหน่วยกู้ภัย ได้กรูเข้าไปอุ้มเอารูปหล่อออกมาจากกองเถ้าถ่าน แล้วเอามาตั้งไว้ที่ใต้ต้นไม้ข้างศาลา โดยชาวบ้านแต่ละคนต่างวิ่งไปเอาน้ำใส่ขันมาเทใส่รูปหล่อหลวงปู่ทิพย์ เพื่อคลายความร้อน พร้อมกับกราบไหว้เอามือลูบคลำ เช็ดถูเอาเถ้าถ่านออก ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของชาวบ้านระงมทั่วบริเวณ

หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 นาที ได้มีรูปหล่อท่ายืนของหลวงพ่อกลั่น เจ้าอาวาสอีกองค์ของวัดที่มรณภาพไปแล้วเช่นกันร่วงลงมาอีก เป็นรูปหล่อเนื้อทองสัมฤทธิ์เช่นเดียวกับหลวงปู่ทิพย์ แต่ถูกความร้อนของไฟหลอมละลาย เหลือแต่เศียร ชาวบ้านบอกว่ารูปหล่อทั้งสององค์ตั้งอยู่คู่กัน นอกจากนี้ยังพบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ไม่ไหม้ไฟ

จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นเพลิงได้ลุกไหม้จากชั้นบนของศาลา ซึ่งช่วงนั้นพระสงฆ์ภายในวัดได้ออกไปบิณฑบาตทั้งหมด จากนั้นไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เรียกรถดับเพลิงมาช่วยดับ แต่ไม่ทัน เพราะศาลาเป็นอาคารไม้ถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหลัง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับศาลาการเปรียญดังกล่าวเป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ และค่อนข้างเก่าแก่ เพราะจุดต้นเพลิงเป็นด้านบนของชั้นสอง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงทำให้ไฟลุกลามไหม้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ มาทำการตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง

สุดอัศจรรย์!!เพลิงไหม้ศาลาวัดดังวอดทั้งหลังแต่รูปหล่อ “หลวงปู่ทิพย์” ไม่ระคาย

Cr::Workpoint News ข่าวเวิร์คพอยท์

ที่มา: tnews.teenee.com