ส่วนของสมาชิก

ครูบาวงศ์

ครูบาวงศ์

หน้าหลัก » ประวัติพระเกจิ » ครูบาวงศ์
Share : แบ่งปันไปยัง facebook

ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์)

ประวัติ

วัยเด็ก
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ครูบาวงศ์” มีนามเดิมว่า วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหนม เกิดที่ ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 2 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศง 2456 เวลา 24.15 น. โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 44 ปี) โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 78 ปี) จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 มีน้องต่างบิดาอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน

ท่านเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน  พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่ที่นาไม่กี่ไร่  ทำนาได้ข้าวปีละแค่ 20-30 หาบ แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน

ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคลมสันนิบาต ตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่านก็ยังช่วยพ่อและแม่ทำนา เก็บของป่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับว่าท่านเป้นผู้ที่มีความขยันอดทนและกตัญญูเป็นอย่างมาก

บรรพชาและอุปสมบท
เมื่อท่านอายุย่าง 13 ปี (พ.ศ. 2468) ท่านได้รบเร้าขอให้พ่อแม่พาท่านไปบวช  เพื่อท่านจะได้บำเพ็ญธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ่อแม่ก็ได้นำท่านไปฝากกับหลวงอา จากนั้นหลวงอานำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์และบวชเณรกับครูบาชัยลังก๋า (เป็นธุดงค์กรรมฐานรุ่นพี่ของครูบาศรีชัย) ครูบาชัยลังก๋าได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่หลังจากเป็นสามเณรแล้วว่า “สามเณรชัยลังก๋า” เช่นเดียวกับชื่อของครูบาชัยลังก๋า

เมื่ออายุ 20ปี  ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้าเป็นอุปัชฌาย์  ได้รับฉายาว่า “ชัยยะวงศา”  ในระหว่างนั้น ท่านได้อยู่ปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับครูบาพรหมจักร  ในบางโอกาสท่านก็จะเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆทั้งลาวและพม่า  ท่านได้อยู่กับครูบาพรหมจักรระยะหนึ่งแล้ว  จึงได้กราบลาครูบาพรหมจักรออกจาริกธุดงค์ไปแสวงหาสัจจธรรมความหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งนี้เพียงลำพังองค์เดียวต่อ  เพื่อเผยแพร่สั่งสอนธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพวกชาวเขาในที่ต่างๆ

เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ร่วมกับครูบาขาวปี และชาวกะเหรี่ยง

ละสังขาร
นับตั้งแต่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ได้มาอยู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่หลวงปู่ ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เป็นเวลาถึง 54 ปี หลวงปู่ได้ใช้ความพยายามพัฒนาวัด จนสามารถพลิกสภาพความเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทุกระดับชั้นทางสังคม หลั่งไหลเข้ามาสักการะ สมกับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย

โอวาทธรรม

“อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
เราต้องของเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา...”

พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ยล  เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น”

“เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง
เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆ มีไม่มาก
เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต
เวลาเหลือน้อ จะทำอะไรก็ให้รีบทำ”

พระเครื่องหรือเหรียญที่สร้าง

เหรียญหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา รุ่นแรกเรียกว่ารุ่น “บล็อกข้าวต้ม” ลักษณะเหรียญรูปไข่ ขอบเป็นเกลียว ด้านหน้าเป็นรูปแกะท่านเต็มตัวนั่งขัดสมาธิ สลักหน้าเหรียญว่า ครูบาชัยวงษ์ พระบาทข้าวต้ม ด้านหลังเหรียญสลักเป็นยันต์

เป็นเหรียญหลักแห่งเมืองลำพูน การสร้างทั้งหมดประมาณ 12,000 เหรียญ โดยบล็อกแรกเหรียญข้าวตม มีจํานวนการสร้าง 5,000 เหรียญ และเหรียญข้าวต้ม จํานวนการสร้าง 7,000 เหรียญ มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหาลาภ ค้าขาย ทางธุรกิจการงานและแคล้วคลาด